MyFeed Personalized Content
บทความ

PLAYING: สังเกตอาการของลูกน้อย ภูมิแพ้-ไข้หวัด หรือ อาการโควิด 19

Add this post to favorites

สังเกตอาการของลูกน้อย ภูมิแพ้-ไข้หวัด หรือ อาการโควิด 19

เชื้อไวรัสโควิด-19 ได้สร้างความตระหนกกับคุณแม่ มาทำความรู้จักกับอาการภูมิแพ้-ไข้หวัด หรือเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อสังเกตอาการของลูกน้อย

2นาที อ่าน

คุณแม่ควรรู้ วิธีสังเกตอาการของลูกน้อยระหว่าง อาการภูมิแพ้ กับ อาการโควิด 19 ต่างกันอย่างไร

 

คุณแม่สังเกตอาการลูก

 

การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับคนทั่วโลกจำนวนไม่น้อย เนื่องจากเป็นไวรัสชนิดใหม่ ที่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย เช่น ระบบทางเดินหายใจ และปอดเป็นหลัก อาการของโรคในเบื้องต้นอาจมีความคล้ายกับอาการไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ หรืออาการภูมิแพ้ ซึ่งในประเทศไทยนั้นยังคงมีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสสูงขึ้น ซึ่งสร้างความวิตกกังวลให้กับทุกคน โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กเล็กและผู้สูงอายุ ถึงแม้จะเคยได้ยินว่าเด็กเล็กไม่ได้เป็นกลุ่มเสี่ยงหลัก และมีอันตรายน้อยกว่าผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ แต่คุณแม่ก็ยังคงเป็นห่วงและไม่วางใจกับความเสี่ยงนี้อย่างแน่นอน เพราะเด็กที่ติดเชื้อสามารถเป็นพาหะไปสู่ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุในครอบครัวได้

 

ความแตกต่างของอาการไข้หวัดธรรมดา, อาการภูมิแพ้ และ อาการเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อให้คุณแม่เตรียมรับมือเมื่อลูกน้อยเริ่มมีอาการ

 

อาการของโรค #ภูมิแพ้ อาการของโรค #ไข้หวัดธรรมดา อาการของโรค #เชื้อไวรัสโควิด 19
- มีน้ำมูก คัน และคัดจมูก - คัดจมูก น้ำมูกไหลลักษณะใส - บางคนอาจมีอาการไม่รุนแรง มีลักษณะเหมือนไข้หวัดทั่วไป ขณะที่บางคนมีอาการรุนแรงมากทำให้เกิดปอดอักเสบได้
- ไอจามหายใจลำบาก - ไอมีเสมหะ จาม - จะเริ่มจากอาการไข้ รู้สึกเมื่อยล้า
- แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก - เจ็บคอ เสียงแหบ - มีอาการไอแห้งๆ
- มีผดผื่นคัน ขึ้นตามร่างกาย - อาจมีอาการไข้ต่ำๆ ปวดศีรษะเล็กน้อย - หายใจได้ลำบาก
    - บางครั้งอาจมีอาการเจ็บคอ
ที่มา :
https://www.dmh.go.th/news-dmh/view.asp?id=30283
 

 

4 เทคนิคดูแลตัวเองและลูกน้อย ให้อยู่บ้านอย่างปลอดภัย

 

คุณแม่สวมหน้ากากอนามัยให้ลูก

 

1. ก่อนอื่นคุณแม่อาจพิจารณาว่า “จำเป็นต้องเดินทางไหม?”
ในช่วงที่มีโรคระบาด หากจำเป็นต้องเดินทาง ควรพิจารณาว่ามีความจำเป็นจริงหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางเพื่อท่องเที่ยว ทำงาน หรือการประชุม เพราะหากไม่เดินทาง ก็ย่อมจะไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อบางครั้งผู้จัดงานหรือจัดการประชุม อาจประกาศยกเลิกหรือเลื่อนออกไปเรียบร้อยแล้วในช่วงที่มีโรคระบาด ดังนั้นเช็คให้ดีก่อนการเดินทางนะคะ

 

คุณแม่พาลูกล้างมือ

 

2.สอนลูกเรื่องการดูแลตัวเองแบบง่ายๆ "กินร้อน ช้อนกลางส่วนตัว ล้างมือ"
ทานอาหารโดยใช้ช้อนกลางส่วนตัว และปรุงสุก สดใหม่ ไม่ทานอาหารดิบ หรือสุก ๆ ดิบ ๆ และฝึกให้ลูกล้างมืออย่างถูกต้อง ทั้งการล้างมือด้วยน้ำสบู่อย่างน้อย 20 วินาที และการใช้แอลกอฮอล์เจลล้างมือ โดยเฉพาะก่อนสัมผัสใบหน้า ตา จมูก ปาก ก่อนทานอาหาร และหลังจากเข้าห้องน้ำ รวมถึงการใส่หน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธี

 

คุณแม่ฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์ให้ลูก

 

3. สอนลูกให้ดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี
ปิดปากและจมูกขณะไอหรือจาม และสอนลูกให้ไอหรือจามอย่างถูกวิธีด้วยการไอหรือจามใส่ข้อพับแขนด้านในหรือบนกระดาษทิชชู แล้วล้างมือให้สะอาด

 

พ่อแม่ลูกช่วยกันทำความสะอาด

 

4. ชวนลูกดูแลสุขอนามัยในบ้าน
ใช้เวลาอยู่บ้านให้เกิดประโยชน์ โดยชวนลูกทำความสะอาดบ้าน จัดบ้านให้มีสิ่งแวดล้อมที่ดี มีอากาศถ่ายเทสะดวก สะอาด ห่างไกลเชื้อโรค เพื่อป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19ให้ไกลตัวมากที่สุด

หมั่นทำความสะอาดอยู่สม่ำเสมอ โดยเฉพาะห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น ห้องครัว เพราะเป็นห้องที่ทุกคนในบ้านใช้ร่วมกัน ดังนั้นควรเน้นการทำความสะอาดเป็นพิเศษ
-สิ่งของที่ใช้ทุกวันและจับบ่อยๆ เช่น มือถือ คอมพิวเตอร์ หูฟัง
ควรทำความสะอาดสม่ำเสมอ ทุกครั้งที่ใช้งาน โดยเช็ดแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้นมากกว่า 70% แล้วเอาผ้าแห้งมาเช็ดซ้ำอีกรอบ
-พื้นผิวที่สัมผัสบ่อย เช่น สวิตช์ไฟ โต๊ะ เก้าอี้ ราวจับบันได รีโมท
แนะนำให้ทำความสะอาดทุกวัน เพราะเป็นสิ่งที่เราต้องใช้มือสัมผัสโดยตรง ดังนั้นให้เช็ดด้วยแอลกฮอล์ที่มากกว่า 70% ในการทำความสะอาด
-อุปกรณ์ภายในห้องน้ำ เช่น อ่างล้างมือ โถชักโครก อ่างอาบน้ำ
เนื่องจากห้องน้ำมีความชื้นอยู่ และเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคมากกว่าที่อื่น ดังนั้น ควรใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ 1 ฝา/น้ำครึ่งลิตร ในการทำความสะอาดเช่นกัน
-พื้นผิวโลหะ เช่น ลูกบิดประตู ก๊อกน้ำ
เป็นพื้นผิวที่เราสัมผัสบ่อยๆ แต่เราอาจจะละเลยไป แนะนำให้เช็ดด้วยแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้น 70% แล้วทิ้งไว้ให้แห้ง * ห้ามใช้น้ำยาฟอกผ้าขาว เพราะมีฤทธิ์กร่อนโลหะ
-พวกผ้าต่างๆ เช่น เสื้อผ้า ผ้าปูเตียง ผ้าขนหนู
เวลากลับบ้านให้รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที โดยเราสามารถซักผ้าได้ตามปกติเลย (ใช้ผงซักฟอก) หรือจะแช่น้ำร้อนสูง 60-90 องศาก็ได้

 

พ่อแม่ลูกสวมหน้ากากอนามัย

 

5. หลีกเลี่ยงการพาลูกออกไปสถานที่ที่คนเยอะหากไม่จำเป็น
เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากเชื้อไวรัสโควิด-19แบบง่ายๆ ด้วยการหลีกเลี่ยงไปสถานที่คนเยอะๆ หรือถ้าจำเป็นควรป้องกันโดยการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะการเดินระหว่างผู้อื่น ทั้งหน้าและหลัง เลือกที่นั่งให้ห่างจากผู้อื่น ไม่อยู่ใกล้ชิด โดยอย่างน้อยควรห่าง 2 เมตรขึ้นไป

เนื่องจากอาการไข้หวัด หรือไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคที่เคยเกิดขึ้นแล้ว และร่างกายจะมีภูมิคุ้มกันในระดับหนึ่ง แต่ เชื้อไวรัสโควิด 19 ที่ร่างกายยังไม่มีภูมิคุ้มกัน เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกาย ในระบบทางเดินหายใจ เชื้อโรคจะลามเข้าไปสู่ปอด ส่งผลให้เกิดอาการปอดบวม ปอดอักเสบ ได้มากกว่าอาการไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ สิ่งสำคัญที่สุดของสุขอนามัยทุกคนในครอบครัวคือการป้องกัน เช่น ล้างมือบ่อยๆ ไม่เอามือไปสัมผัสหน้าตา, หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย, หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีคนแออัดในช่วงที่มีการระบาด เว้นระยะห่าง (Social Distancing) 2 เมตร และเด็กควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ปีละ 1 ครั้ง เพื่อความปลอดภัยและห่างไกลโรค

ตรวจทานความถูกต้องโดย ศ.พญ.จรุงจิตร์ งามไพบูลย์

 

แหล่งอ้างอิง
- https://www.dmh.go.th/news-dmh/view.asp?id=30283
- https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/875562
- https://www.ryt9.com/s/prg/3114213
- https://www.posttoday.com/life/healthy/620689
- https://www.thaipost.net/main/detail/62929