MyFeed Personalized Content
รวมเคล็ดลับ ดูแลครรภ์ สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์มือใหม่
บทความ

PLAYING: 10 อาการใกล้คลอด สัญญาณเตือนใกล้คลอด ที่คุณแม่ต้องรู้

Add this post to favorites

10 อาการใกล้คลอด สัญญาณเตือนใกล้คลอด ที่คุณแม่ต้องรู้

เมื่อเริ่มเข้าสู่การตั้งครรภ์ไตรมาสสุดท้าย หรืออายุครรภ์ 28-40 สัปดาห์ คุณแม่มือใหม่มักมีความกังวลเกี่ยวกับสัญญาณเตือนใกล้คลอด รวมไปถึงสิ่งของเครื่องใช้ในการไปคลอดและหลังคลอด การเตรียมความพร้อมหนึ่งที่สำคัญ คือ การศึกษาอาการต่างๆ ก่อนคลอด สัญญาณเตือนเมื่อใกล้คลอดที่คุณแม่ควรต้องรู้ เพื่อเตรียมความพร้อมในการไปคลอด ช่วยลดความกังวลต่างๆ ให้การคลอดราบรื่นและสมบูรณ์ปลอดภัยที่สุด

1นาที อ่าน

สรุป

  • คุณแม่มือใหม่ต้องคอยสังเกตอาการและแยกความแตกต่างระหว่าง “อาการก่อนคลอด” และ “อาการใกล้คลอด”
  • สัญญาณเตือนใกล้คลอด หากพบอาการใกล้คลอดเมื่ออายุครรภ์ 37 สัปดาห์ขึ้นไป ควรเตรียมเก็บกระเป๋าไปพบแพทย์ อาทิ มีมูกเลือดออกทางช่องคลอด, เจ็บท้องคลอดสม่ำเสมอต่อเนื่องรุนแรงและถี่ขึ้น หรือมีอาการถุงน้ำคร่ำแตกที่เรียกว่า น้ำเดิน
  • หากพบอาการที่ผิดปกติระหว่างตั้งครรภ์ เช่น ภาวะน้ำเดินก่อนกำหนดหรือถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด คุณแม่ต้องรีบไปพบแพทย์โดยทันที

อาการก่อนคลอด

เมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงท้ายของการตั้งครรภ์ หรือประมาณอายุครรภ์สัปดาห์ที่ 37 จนถึงสัปดาห์ที่ 40 คุณแม่ต้องหมั่นสังเกตอาการผิดปกติทางร่างกายของตนเอง เนื่องจากในระยะครรภ์ช่วงนี้เป็นช่วงที่ทารกในครรภ์พร้อมคลอด และเพื่อเตรียมความพร้อมในการไปคลอดด้วย โดยมีอาการก่อนคลอด ราว 2-4 สัปดาห์ ดังนี้ค่ะ

  • เจ็บท้องเตือน เมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงสัปดาห์ท้ายของการตั้งครรภ์ คุณแม่จะเริ่มรู้สึกมดลูกแข็งเป็นก้อน เหมือนมีอาการคล้ายท้องเกร็ง แต่ยังไม่มีระยะเวลาที่มดลูกบีบตัวเป็นจังหวะแน่นอนหรือสม่ำเสมอ ซึ่งการบีบตัวของมดลูกเกิดได้จากการที่ทารกเคลื่อนตัวลงต่ำและมดลูกขยายอย่างเต็มที่นั้นเอง
  • ทารกกลับหัว คุณแม่จะรู้สึกได้ว่าท้องลดลงหรือยอดมดลูกเคลื่อนต่ำลง และจะรู้สึกหายใจสะดวกขึ้น เนื่องจากทารกเริ่มกลับหัวลงต่ำสู่อุ้งเชิงกรานเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการคลอด ในช่วงนี้คุณแม่อาจจะต้องลุกขึ้นมาปัสสาวะบ่อยขึ้น เพราะครรภ์ไปเบียดกระเพาะปัสสาวะ ประกอบกับขนาดของท้องที่ใหญ่ขึ้นมาก เลยอาจทำให้พักผ่อนได้ไม่เต็มที่นัก
  • มีมูกขาวข้นออกทางช่องคลอด มูกที่ออกจากช่องคลอดจะมีลักษณะสีขาว เหนียวข้น เพราะเมื่อปากมดลูกเริ่มเปิด ทำให้มูกบริเวณปากมดลูกไหลออกมาจากช่องคลอดได้

10 สัญญาณเตือนอาการคนท้องใกล้คลอด ที่คุณแม่ควรรู้เบื้องต้น

อาการต่างๆ สำหรับคุณแม่ใกล้คลอด ซึ่งคุณแม่จะเริ่มพบอาการเหล่านี้ได้เมื่อเริ่มตั้งครรภ์เข้าสู่ช่วงไตรมาสสุดท้าย โดยเฉพาะคุณแม่ท้องแรก อาจมีความกังวลถึงสัญญาณเตือนใกล้คลอด เพราะไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ดังนั้น เรามาสังเกต 10 อาการเตือนคนท้องใกล้คลอดกันค่ะ

  1. มีมูกขาวจากช่องคลอด
  2. น้ำเดิน หรือมีน้ำใสๆ ออกจากช่องคลอด
  3. ท้องแข็งเกร็ง และมดลูกเริ่มบีบตัว
  4. ท้องเสีย
  5. ปัสสาวะบ่อย
  6. มือและเท้าบวม
  7. ปากมดลูกเปิด
  8. เจ็บท้องเตือน
  9. มีมูกเลือดไหลออกจากช่องคลอด
  10. เจ็บท้องคลอด

อาการคนท้องใกล้คลอด

หากคุณแม่ตั้งครรภ์เริ่มรู้สึกมีอาการก่อนคลอดมาพักนึงแล้ว สัญญาณใกล้คลอดที่สำคัญที่คุณแม่ต้องสังเกตและเตรียมพร้อมในการไปโรงพยาบาลโดยทันทีเมื่อเจออาการเหล่านี้

  • มูกเลือดออกทางช่องคลอด เมื่อปากมดลูกขยายเปิดมากขึ้น เส้นเลือดที่อยู่บริเวณปากมดลูกอาจแตกได้ จึงทำให้มีมูกเลือดไหลออกจากช่องคลอด
  • ถุงน้ำคร่ำแตก ลักษณะคล้ายน้ำใสๆ ที่ไหลออกจากช่องคลอด คล้ายปัสสาวะแต่คุณแม่ไม่ได้เบ่งออกมา เนื่องจากมดลูกเริ่มบีบตัวเพื่อดันให้ทารกเข้าสู่อุ้งเชิงกรานเตรียมพร้อมสำหรับการคลอด หากมีอาการถุงน้ำคร่ำแตก หรือที่เรียกว่าน้ำเดิน อีกไม่นานอาการคลอดจะตามมา ดังนั้นจึงควรไปโรงพยาบาลทันทีที่เจออาการนี้
  • เจ็บท้องคลอด ลักษณะคล้ายปวดประจำเดือน หรืออาการที่มดลูกบีบตัวเป็นจังหวะสม่ำเสมออย่างต่อเนื่อง โแล้วจะเริ่มเจ็บท้องถี่ขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงแรกที่เริ่มเจ็บท้อง คุณแม่อาจเริ่มจับเวลาระยะห่างในการเจ็บท้องแต่ละครั้ง หากเริ่มถี่ขึ้นทุกๆ 5-10 นาที ควรเริ่มเตรียมตัวเพื่อไปโรงพยาบาล

สัญญาณเตือนใกล้คลอด 10 อาการคนท้องใกล้คลอดที่แม่ต้องรู้

วิธีสังเกตอาการ “เจ็บท้องเตือน” และ “เจ็บท้องคลอด”

คุณแม่หลายๆ ท่าน อาจมีข้อสงสัยในความแตกต่างระหว่าง การเจ็บท้องเตือน หรือ การเจ็บท้องคลอด ซึ่งมีข้อแตกต่างกันตามนี้ค่ะ

1. เจ็บท้องเตือน

เป็นอาการใกล้คลอดที่อาจพบได้ตั้งแต่ไตรมาสที่สองจนถึงไตรมาสที่สาม และอาการยังไม่สม่ำเสมอต่อเนื่อง

  1. เจ็บท้องไม่สม่ำเสมอ เป็น ๆ หาย ๆ
  2. เจ็บห่าง ๆ เช่น ชั่วโมงละครั้ง
  3. ความรุนแรงในการปวดไม่มาก
  4. ปวดท้องน้อย
  5. ปากมดลูกไม่เปิดขยาย

เจ็บท้องคลอด

ส่วนมากจะมีอาการเมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงก่อนคลอดไม่เกิน 2-4 สัปดาห์ ลักษณะการเจ็บท้องจะสม่ำเสมอต่อเนื่อง และถี่ขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงความเจ็บปวดจะมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน

  1. เจ็บท้องสม่ำเสมอ เช่น ปวดทุก 10 นาที
  2. เจ็บถี่ขึ้น จากปวดทุก 10 นาที เป็น 5 นาที
  3. ปวดแรงขึ้นเรื่อย ๆ
  4. ปวดส่วนบนของมดลูกหรือยอดมดลูกและแผ่นหลัง
  5. อาการปวดไม่ลดลง ถ้าเคลื่อนไหวก็จะเจ็บมาก
  6. ปากมดลูกเปิดขยาย

อาการแบบไหนที่คุณแม่ควรรีบไปโรงพยาบาล

คุณแม่ต้องหมั่นสังเกตสิ่งที่เกิดกับร่างกาย รวมไปถึงอาการที่ผิดปกติต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อความปลอดภัยของคุณแม่และทารกในครรภ์ ยิ่งหากระยะทางจากบ้านไปโรงพยาบาลค่อนข้างไกล หรือสภาพการจราจรติดขัดในช่วงเวลานั้นๆ ดังนั้นหากพบอาการเหล่านี้คุณแม่ควรรีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลโดยทันที

  • มีเลือดออกทางช่องคลอด
  • ตัวบวม หรือน้ำหนักขึ้นอย่างรวดเร็ว
  • ลูกไม่ดิ้นหรือดิ้นน้อยลง
  • มีไข้หรือหนาวสั่น
  • อาการปวดท้องน้อยมากผิดปกติ
  • น้ำคร่ำเป็นสีน้ำตาล เขียว เหลือง หรือสีอื่นๆ นอกเหนือจากสีใสหรือสีชมพู
  • อาเจียนไม่หยุด
  • หมดสติ

สัญญาณเตือนใกล้คลอด อาการคนท้องใกล้คลอดที่ควรรู้

ป้องกันน้ำเดินหรือถุงน้ำคร่ำแตกก่อนปวดท้องคลอดได้อย่างไร

อาการน้ำเดินหรือถุงน้ำคร่ำแตก หากพบในช่วงเวลาเจ็บท้องคลอดถือเป็นเรื่องปกติเพราะมดลูกบีบตัวเพื่อดันทารกในครรภ์ให้เข้าสู่อุ้งเชิงกราน แต่หากพบอาการนี้ในช่วงเวลาก่อนอายุครรภ์ 37 สัปดาห์ จะถือว่าเป็นภาวะน้ำเดินก่อนกำหนด (Premature rupture of membranes: PROM) ซึ่งอาจส่งผลอันตรายต่อคุณแม่และทารกในครรภ์ได้ เนื่องจากสามารถติดเชื้อจากการอักเสบในโพรงมดลูกได้ โดยปกติหากพบภาวะน้ำเดินก่อนกำหนด คุณหมอจะให้คนไข้เข้ารับการรักษาโดยนอนโรงพยาบาลจนถึงเวลาคลอด โดยมีแนวทางการรักษาขึ้นกับอาการและปัจจัยต่างๆ อาทิ อายุครรภ์ การติดเชื้อ ลักษณะการเต้นของหัวใจทารก รวมไปถึงการเปิดของปากมดลูก เป็นต้น

การหมั่นสังเกตลักษณะและอาการใกล้คลอดต่างๆ ในระหว่างการตั้งครรภ์จึงเป็นสิ่งสำคัญ รวมไปถึงการไปพบแพทย์ตามนัด

ในระหว่างฝากครรภ์ เพื่อที่จะได้ปรึกษาแพทย์ได้ทันท่วงที และคุณแม่ตั้งครรภ์ต้องใส่ใจความสะอาด อาหารการกิน อาการผิดปกติของร่างกาย และเตรียมพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจสำหรับวันสำคัญในการคลอดลูกน้อย

อ้างอิง: