อาการเริ่มแรกของคุณแม่เริ่มตั้งครรภ์ ที่แม่มือใหม่ควรรู้

อาการตะคริว ท้องผูก แพ้ท้อง เป็นเพียงอาการบางส่วนที่มักเกิดกับคุณแม่ตั้งครรภ์ อาการของการตั้งครรภ์มีแนวโน้มจะพบมากที่สุดในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นช่วงที่ฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ในระดับสูงตลอดเวลา แต่สำหรับบางราย อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นและคงอยู่ตลอด 9 เดือนของการตั้งครรภ์ แต่ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหน คุณสามารถรับมือกับอาการเหล่านี้ได้ เพื่อความรู้สึกสบายขึ้นในช่วงการตั้งครรภ์

การเกิดตะคริวในช่วงตั้งครรภ์

ตะคริวเป็นอาการที่พบบ่อยๆ และมักเกิดขึ้นในช่วงที่มดลูกมีการขยายตัว ทำให้เส้นเอ็นรอบๆ ยืดตัวออก
วิธีลดอาการตะคริว
● แช่เท้าในน้ำอุ่น
● นอนราบสักพัก หรือเปลี่ยนอิริยาบถ
● ใช้เจลอุ่น หรือกระเป๋าน้ำร้อนวางลงบนบริเวณที่มีอาการ
ในบางกรณี อาการตะคริวอาจเป็นสัญญาณของภาวะอื่นๆ ที่รุนแรงตามมา เช่น การตั้งครรภ์นอกมดลูก หรือภาวะคลอดก่อนกำหนด หากอาการตะคริวทำให้คุณรู้สึกเจ็บปวดมากๆ หรือใช้เวลานานกว่าอาการจะหายไป หรือพบเลือดออก หรือมีการบีบรัดตัวของมดลูกร่วมด้วย คุณควรปรึกษาแพทย์ทันที

อาการท้องผูก ท้องอืด กรดไหลย้อน ในช่วงตั้งครรภ์

ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารมักถูกกระตุ้นจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่ทำให้ระบบทางเดินอาหารทำงานช้าลง และเมื่อตั้งครรภ์มาระยะหนึ่ง ขนาดตัวของทารกที่ใหญ่ทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องถูกบีบอัด คุณแม่จึงรู้สึกอึดอัด ไม่สบายท้อง
วิธีการรับมือปัญหาท้องผูก และความแปรปรวนของระบบทางเดินอาหาร
● กินอาหารมื้อเล็กๆ แต่บ่อยๆ
● กินช้าๆ เคี้ยวอาหารให้นานขึ้น
● ดื่มน้ำมากๆ
● ออกกำลังกายเป็นประจำ
● ถ้าคุณมีอาการท้องผูก ควรกินอาหารที่มีใยอาหารให้มาก
● หลีกเลี่ยงอาหารประเภทแป้งขัดขาว และน้ำตาล
● หากมีอาการกรดไหลย้อน ให้หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง และไม่เอนตัวนอนหลังการกินอาหารเสร็จใหม่ๆ ทันที

อาการแพ้ท้อง อาเจียน

ในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ การเพิ่มขึ้นของฮอร์โมน (โปรเจสเตอโรนและเอสโตรเจน) ส่งผลให้ประสาทการรับรู้กลิ่นรสมีความไวมากขึ้น ทำให้เกิความรู้สึกคลื่นไส้ได้ง่าย หรือที่เรียกว่าอาการแพ้ท้องนั่นเอง
วิธีรับมือกับอาการแพ้ท้อง
● กินอาหารมื้อเล็กลง แต่กินให้บ่อยขึ้น
● หลีกเลี่ยงกลิ่นและสิ่งเร้าที่จะทำให้เกิดอาการแพ้ท้อง
● ดื่มน้ำมากๆ ระหว่างมื้ออาหาร การดื่มน้ำขิงก็สามารถช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องได้
● กินยาบำรุงครรภ์พร้อมกับมื้ออาหารหลัก
● หลีกเลี่ยงอาหารย่อยยาก เช่น อาหารทอด อาหารมันๆ และน้ำอัดลม
● นอนพักระหว่างวันเพื่อผ่อนคลายร่างกาย

อาการปวดขา และริดสีดวงทวาร

ภาวะตั้งครรภ์อาจทำให้เกิดริดสีดวงทวาร และเส้นเลือดขอดที่ขาได้ง่าย ขนาดมดลูกที่ใหญ่ขึ้นสร้างแรงกดทับบริเวณเส้นเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนบริเวณช่วงล่างของร่างกายได้ไม่สะดวก เป็นสาเหตุให้เส้นเลือดมีลักษณะโป่งพอง

อาการที่เกิดขึ้นคือ ปวดท้อง ปวดขา และอาการบวมน้ำที่ขา (ข้อเท้าบวม) จนไปถึงการเกิดริดสีดวงทวาร ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับอาการท้องผูกด้วย แม้ว่าอาการเหล่านี้จะไม่ทำให้เกิดอันตราย แต่ก็ทำให้คุณแม่รู้สึกไม่สบายตัว และเป็นกังวล
วิธีการรับมือกับอาการปวดขาและริดสีดวง
● พยายามอย่าให้เกิดอาการท้องผูก โดยหมั่นกินอาหารที่มีใยอาหารสูงและดื่มน้ำมากๆ
● สวมรองเท้าส้นแบน หรือไม่มีส้น
● นอนยกขาสูงเล็กน้อย โดยใช้หมอนรองช่วงขา
● นวดขา
● หลีกเลี่ยงการนั่งเป็นเวลานานๆ