MyFeed Personalized Content
รวมเคล็ดลับ ดูแลครรภ์ สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์มือใหม่
บทความ

PLAYING: แม่ตั้งครรภ์ 8 เดือน เพื่อพัฒนาการทารก อายุครรภ์ 8 เดือน

Add this post to favorites

แม่ตั้งครรภ์ 8 เดือน เพื่อพัฒนาการทารก อายุครรภ์ 8 เดือน

เมื่อเข้าสู่อายุครรภ์ 8 เดือน เรียกได้ว่าเป็นเวลาที่น่าตื่นเต้นสำหรับคุณพ่อคุณแม่ เพราะอยู่ในช่วงใกล้คลอดแล้ว ช่วงเดือนที่ 8 นี้ลูกน้อยในครรภ์จะเริ่มกลับหัว คุณแม่เองก็รู้สึกได้การบีบตัวของมดลูก สิ่งสำคัญคือ คุณแม่ควรเตรียมตัวให้พร้อมทั้งร่างกายและจิตใจสำหรับการคลอด รวมถึงการวางแผนหลังการคลอด อย่างไรก็ดี ช่วงเวลานี้ คุณแม่ควรสังเกตการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างใกล้ชิด

3นาที อ่าน

สรุป

  • ช่วงเดือนที่ 8 นี้ลูกน้อยในครรภ์จะเริ่มกลับหัว คุณแม่เองก็รู้สึกได้การบีบตัวของมดลูก ที่เรียกว่า การเจ็บเตือน และสังเกตได้ว่า ท้องจะมีลักษณะคล้อยลง หรือลดต่ำลง
  • คุณแม่อาจรู้สึกว่ามีอาการท้องแข็ง รู้สึกตึงหน้าท้องหรือท้องน้อย โดยอาการอาจเป็น ๆ หาย ๆ ภาวะเช่นนี้ไม่เป็นอันตราย คุณแม่อาจนั่งหรือนอนพักนิ่ง ๆ สักระยะ เพื่อบรรเทาอาการ
  • ทารกในครรภ์กำลังโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีความยาวประมาณ 40 เซนติเมตร และ มีน้ำหนักตัวประมาณ 1,900กรัม อาจเทียบได้ว่าทารกมีขนาดตัวเท่ากับผลสัปปะรด

อาการคุณแม่ตั้งครรภ์ 8 เดือน เป็นอย่างไร

การตั้งครรภ์เดือนที่ 8 ร่างกายคุณแม่เริ่มปรับตัวเพื่อเตรียมพร้อมสู่การคลอดทารกน้อยในครรภ์ อาจมีอาการดังต่อไปนี้

1. เจ็บเตือนหรือเจ็บหลอก

ช่วงเดือนที่ใกล้คลอดนี้ คุณแม่จะมีอาการเจ็บท้องถี่ขึ้น จากการที่มดลูกขยายตัวเต็มที่และเคลื่อนต่ำลง รวมถึงการบีบหดตัวของมดลูก ทำให้ท้องแข็งเกร็ง แต่ยังไม่บีบตัวเป็นจังหวะที่แน่นอน ความเจ็บปวดจะคล้ายกับปวดท้องประจำเดือน เมื่อเดินหรือเปลี่ยนท่าจะหายปวด อาการเหล่านี้คือ การเจ็บเตือน แตกต่างจากกการเจ็บท้องจริงที่จะมีอาการเจ็บกล้ามเนื้อเกร็งเป็นจังหวะทุก 5-10 นาที และเจ็บถี่ขึ้น และปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ

2. หัวนมและปานนมมีสีเข้มขึ้น

นอกจากเต้านมของคุณแม่ที่ขยายใหญ่ขึ้นมากที่สุด โดยหัวนมและปานนมอาจมีขนาดใหญ่และมีสีที่เข้มขึ้นด้วย เพื่อเตรียมพร้อมสู่การให้นมลูกน้อยเมื่อคลอดแล้ว

3. หายใจไม่อิ่ม

ช่วงตั้งครรภ์ใกล้โค้งสุดท้าย ลูกน้อยในครรภ์ขยายตัวเต็มพื้นที่ภายในท้อง มดลูกขยายใหญ่ขึ้นตามขนาดของทารก คุณแม่อาจจะรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว อึดอัด เพราะยอดมดลูกเริ่มดันยอดอกและชายโครง รวมถึงกระบังลมและปอดถูกกดจนทำให้รู้สึกหายใจได้ไม่เต็มที่ คุณแม่อาจใช้หมอนหนุนสูงขณะที่นั่งและนอน จะช่วยให้หายใจได้สะดวกยิ่งขึ้น

4. แสบร้อนกลางอก

อาการแสบร้อนกลางอกจากโรคกรดไหลย้อน อาจเกิดขึ้นได้ในช่วงตั้งครรภ์ไตรมาสสุดท้าย เนื่องจากเป็นช่วงเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนต่าง ๆ และขนาดมดลูกที่ใหญ่ขึ้นจนเบียดกระเพาะอาหาร แม้ในช่วงนี้คุณแม่ต้องการอาหารประเภทโปรตีนเพื่อบำรุงร่างกายมากขึ้น คุณแม่ไม่ควรรับประทานอาหารก่อนนอน เพราะน้ำย่อยในกระเพาะยังทำงานอยู่ และไม่ควรนอนหรือนั่งทันทีหลังรับประทานอาหาร รวมทั้งหลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นอาการ เช่น อาหารรสเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด และคาเฟอีน

5. มีน้ำนมไหลซึม

ร่างกายของคุณแม่เริ่มปรับตัวเตรียมพร้อมสำหรับการคลอดและให้นมลูกน้อย โดยร่างกายจะเริ่มผลิตหัวน้ำนม หรือน้ำนมสีเหลืองข้น ไหลออกมาในปริมาณเล็กน้อยระหว่างตั้งครรภ์ได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ โดยเป็นเหมือนสัญญาเตือนว่าร่างกายกำลังเตรียมนมสำหรับให้ลูกน้อยได้ดูดกินหลังคลอด

6. ตกขาว

คุณแม่ตั้งครรภ์มักมีปริมาณตกขาวมากขึ้นกว่าปกติ เนื่องจากฮอร์โมนการตั้งครรภ์ ทำให้มีการสร้างมูกบริเวณปากมดลูกมากขึ้น และออกมาเป็นตกขาวในลักษณะที่เป็นมูกใส หรือ สีขาวขุ่น ไม่มีกลิ่น ไม่มีอาการแสบ คันช่องคลอด อย่างไรก็ดี คุณแม่ควรสังเกตให้ดี หากมีมูกสีขาวมีลักษณะเหนียวข้นหลุดออกมา หรือหากเป็นน้ำใส ๆ ไหลออกมาเป็นปริมาณมาก อาจเป็นสัญญาณก่อนคลอดได้

อาการท้องแข็งขณะตั้งครรภ์ 8 เดือน คุณแม่ควรรับมืออย่างไร

ช่วงไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ มดลูกจะเริ่มขยายตัวขึ้นตามขนาดตัวของทารกในครรภ์ ซึ่งปกติท้องจะมีลักษณะเป็นก้อนมีความนุ่มหยุ่น แต่ช่วงนี้คุณแม่อาจรู้สึกว่ามีอาการท้องแข็ง โดยมีอาการเจ็บ หรือรู้สึกตึงหน้าท้องหรือท้องน้อย โดยอาการอาจเป็น ๆ หาย ๆ เนื่องจากการบีบรัดของมดลูก หรือทารกในครรภ์ดิ้นแรงหรือโก่งตัวชนกับผนังมดลูกจนมดลูกเกิดการบีบรัด จนเห็นอวัยวะต่าง ๆ ของทารกนูนให้เห็นที่หน้าท้องคุณแม่ได้ ภาวะเช่นนี้ไม่เป็นอันตราย คุณแม่อาจนั่งหรือนอนพักนิ่ง ๆ สักระยะ เพื่อบรรเทาอาการ

การดูแลตัวเองในช่วงนี้เพื่อป้องกันอาการท้องแข็งคือ ไม่กลั้นปัสสาวะ ไม่บิดตัวเอี้ยวตัวแบบบิดขี้เกียจ เพราะทำให้ความดันในมดลูกสูงขึ้นได้ และไม่ควรกินอิ่มเกินไป เพราะทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารมากกว่าปกติ

ข้อสังเกตที่ไม่ควรละเลยคือ หากคุณแม่รู้สึกว่ามีอาการท้องแข็งนานเป็น 10 นาทีจึงคลายลง ติดต่อกัน 4-5 ครั้ง และเกิดขึ้นเรื่อย ๆ จนรู้สึกแน่น หายใจไม่ออก ควรรีบไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด เพราะอาจเป็นสาเหตุให้คลอดก่อนกำหนดได้ รวมถึงหากมีอาการอื่น ๆ ที่ดูผิดปกติ เช่น น้ำเดิน ทารกดิ้นน้อยลง แม้ไม่มีอาการท้องแข็งร่วมด้วย ก็ควรไปพบแพทย์ทันทีเช่นกัน

เข้าใจลักษณะหน้าท้องของคนท้อง 8 เดือน

ในช่วงอายุครรภ์ 8 เดือน ท้องคุณแม่จะมีขนาดใหญ่มาก โดยอาจมีขนาดท้องอยู่ที่ 30-34 เซนติเมตร แต่จะสังเกตได้ว่า ท้องจะมีลักษณะคล้อยลง หรือลดต่ำลง เนื่องจากทารกในครรภ์เคลื่อนตัวลงมาอยู่ใกล้อุ้งเชิงกรานมากขึ้น พร้อมกับมีการกลับหัวลงเพื่อเตรียมเข้าสู่การคลอดในเดือนถัดไป

อาการคุณแม่ตั้งครรภ์ 8 เดือน เป็นอย่างไร

ท้อง 8 เดือน น้ำหนักควรเพิ่มขึ้นกี่กิโลกรัม

อายุครรภ์ 8 เดือน เท่ากับอยู่ในไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ ช่วงเดือนนี้น้ำหนักคุณแม่อาจเพิ่มขึ้นได้อีก 2-2.5 กิโลกรัม เพราะลูกน้อยในท้องเริ่มมีการเติบโตเพิ่มมากขึ้น ตัวเริ่มใหญ่จนคับในครรภ์แม่ โดยรวมแล้วคุณแม่จะมีน้ำหนักขึ้นจากเดือนแรกประมาณ 11-12 กิโลกรัม อย่างไรก็ตาม น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจะขึ้นอยู่กับดัชนีมวลกายของคุณแม่ก่อนตั้งครรภ์ด้วย

สำหรับค่าเฉลี่ยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นของคุณแม่ในแต่ละไตรมาส สรุปได้ดังนี้

  • ไตรมาส 1 โดยมากแล้วน้ำหนักจะเพิ่มขึ้นน้อยมาก หรืออาจมีน้ำหนักลง เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายมีการปรับตัว รวมถึงมีอาการแพ้ท้องร่วมด้วย ช่วงนี้คุณแม่ที่มีน้ำหนักปกติ ควรมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นไม่เกิน 1 กิโลกรัม
  • ไตรมาส 2 เมื่อเข้าสู่ไตรมาสนี้ คุณแม่จะมีอาการแพ้ท้องลดน้อยลง เริ่มรับประทานอาหารได้เป็นปกติ น้ำหนักอาจเพิ่มขึ้นเดือนละ 1-1.5 กิโลกรัม ซึ่งรวมแล้วในไตรมาสที่ 2 จะมีน้ำหนักเพิ่มอีก 4-5 กิโลกรัม
  • ไตรมาส 3 เข้าสู่ไตรมาสที่มีการเปลี่ยนแปลงทางสรีระอย่างชัดเจน เพราะทารกเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว มีขนาดตัวใหญ่ขึ้น น้ำหนักคุณแม่จะเพิ่มประมาณ 2-2.5 กิโลกรัม ซึ่งรวมแล้วในไตรมาสที่ 3 จะมีน้ำหนักเพิ่มอีก 5-6 กิโลกรัม

อัลตราซาวด์ท้อง 8 เดือน คุณแม่จะเห็นอะไรบ้าง

การอัลตราซาวด์ในช่วงไตรมาสสุดท้าย แพทย์จะตรวจสุขภาพทารกในครรภ์ โดยตรวจการเคลื่อนไหว กล้ามเนื้อ อัตราการเต้นของหัวใจ และพัฒนาการอื่น ๆ

ขนาดและน้ำหนักทารกในครรภ์ 8 เดือน

ในช่วงเดือนที่ 8 ของการตั้งครรภ์นี้ ลูกน้อยของคุณแม่กำลังโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 200 กรัมต่อสัปดาห์ (ในช่วงสองเดือนสุดท้ายเจ้าตัวเล็กจะหนักขึ้นเป็น 2 เท่า) และขนาดตัวจะขยายใหญ่ขึ้นอีกประมาณ 10 เซนติเมตร โดยรวมแล้ว เดือนที่ 8 นี้ทารกในครรภ์จะมีความยาวประมาณ 44 เซนติเมตร และ มีน้ำหนักตัวประมาณ 1,950 กรัม อาจเทียบได้ว่าทารกมีขนาดตัวเท่ากับผลสัปปะรด

1. รูปทารกในครรภ์ 8 เดือน

ทารกจะมีขนาดและสัดส่วนใกล้เคียงผลสับปะรด และเคลื่อนเข้าสู่อุ้งเชิงกราน โดยกลับตัวหันศีรษะมาทางปากมดลูก

2. ท้อง 8 เดือน หัวลูกอยู่ตรงไหน

ในช่วงท้ายของการตั้งครรภ์ 8 เดือน ทารกในครรภ์จะกลับหัวลงหมุนตัวมาอยู่ในตำแหน่งเพื่อเตรียมคลอดออกมาจากท้องแล้ว ร่างกายขดตัวกลมและหันหลังไปทางด้านซ้ายของคุณแม่ โดยประมาณ 95% ของคุณแม่ที่ท้อง 8 เดือน เมื่อมาอัลตราซาวด์ครั้งสุดท้ายจะช่วยบ่งบอกตำแหน่งการหันหัวออกที่เหมาะสมของลูกน้อยได้ โดยลูกน้อยค่อย ๆ เริ่มเคลื่อนลงมาที่กระดูกเชิงกรานของคุณแม่ เพื่อเตรียมพร้อมสู่การคลอดออกมาดูโลกภายนอกในไม่ช้า

พัฒนาการทารกในครรภ์ 8 เดือน ที่คุณแม่ควรรู้

ในช่วงเดือนที่ 8 ของการตั้งครรภ์ ลูกน้อยกำลังโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับพัฒนาการทารกด้านร่างกายอย่างสุดท้ายก่อนจะออกจากท้องแม่นั้น อวัยวะต่าง ๆ มีการพัฒนามากขึ้นเรื่อย ๆ การสร้างกระดูกเริ่มขึ้นมาเป็นรูปร่าง มีเส้นผมหรือเส้นขนขึ้นมาปกคลุม ผิวหนังเริ่มเป็นสีชมพู และเริ่มมีเล็บงอกขึ้นมาด้วย ส่วนอวัยวะที่มีหน้าที่กำจัดของเสียก็ทำหน้าที่อย่างต่อเนื่องโดยไตจะเริ่มสร้างปัสสาวะได้ และลำไส้จะค่อย ๆ ถูกเติมด้วยสารสีดำที่มีความหนืดหรือที่เรียกกันว่า “ขี้เทา” นั่นคืออุจจาระแรกของลูกน้อยภายหลังการคลอดนั่นเอง

อายุครรภ์ 8 เดือน สมองของลูกในครรภ์ มีพัฒนาการอย่างไร

สมองทารกในครรภ์ 8 เดือนยังคงมีการพัฒนาเพิ่มขึ้นมากอย่างต่อเนื่อง โดยระบบประสาททำงานได้เต็มที่ ทารกจะเรียนรู้ทักษะในการดำรงชีวิตต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการดูดและกลืนอาหาร ตุ่มการรับรสเริ่มทำงาน ดวงตาของทารกจะเริ่มมีการเปิดและปิดเพื่อรับแสงตามวงจรการหลับและตื่น นอกจากนี้ยังได้ยินเสียง และมีความรู้สึกเจ็บปวด

อาหารที่คุณแม่ท้อง 8 เดือน ควรรับประทาน

อาหารที่คุณแม่ท้อง 8 เดือน ควรรับประทาน

เมื่อก้าวเข้าสู่การตั้งครรภ์ 8 เดือน ซึ่งอยู่ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์ อวัยวะต่างๆ ของทารกในครรภ์เริ่มเจริญเติบโต ดวงตาเริ่มเปิด เล็บและผมงอก การดูแลให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารต่าง ๆ ตามความต้องการเพื่อการเจริญเติบโตนั้นมีความสำคัญยิ่งกว่าที่ คุณแม่ควรเพิ่มความใส่ใจในเรื่องโภชนาการอาหารคนท้อง  โดยนอกเหนือจากการรับประทานครบ 5 หมู่ อาจเน้นอาหารดังต่อไปนี้

  • ผักและผลไม้สดที่มีวิตามินซี ซึ่งช่วยให้คุณแม่มีสุขภาพเหงือกและฟันที่ดี และยังช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กซึ่งสำคัญต่อการสร้างเม็ดเลือด เช่น ส้ม เกรปฟรุต กีวี สตรอร์เบอร์รี่ มะเขือเทศ
  • อาหารที่มีวิตามินเอ ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและการมองเห็น เช่น เครื่องในสัตว์ ไข่แดง นมและผลิตภัณฑ์จากนม แครอท แคนตาลูป
  • อาหารที่อุดมด้วยวิตามินดี ช่วยให้คุณแม่และลูกน้อยได้รับแคลเซียม พร้อมเสริมความแข็งแรงให้กระดูกและฟัน เช่น ปลาแซลมอน ไข่แดง ซีส
  • อาหารที่มีแคลเซียมสูง เพิ่มความแข็งแรงของกระดูกและฟัน เช่น นม บรอกโคลี ผักคะน้า ปลากะตักหรือปลาซาร์ดีนกระป๋องที่มีกินก้างปลาได้
  • อาหารที่มีวิตามิน B6 ที่ช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงและพัฒนาสมองของลูกน้อย เช่น กล้วย เนื้อสัตว์ ปลา เครื่องในสัตว์
  • อาหารที่อุดมด้วยวิตามิน B12 บำรุงระบบประสาทให้แข็งแรง ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง เช่น ตับวัว ปลา เนื้อสัตว์ นม ไข่
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ ปริมาณน้ำที่ควรดื่มคือ 5-2 ลิตรต่อวัน

ข้อแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ 8 เดือน

ข้อแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ 8 เดือน

ช่วงใกล้คลอดนี้ คุณแม่อาจมีความสงสัยในเรื่องการดูแลครรภ์ สามารถดูสรุปข้อมูลได้ดังนี้

ข้อห้ามคนท้อง 8 เดือน มีอะไรบ้าง

  • ห้ามละเลยสัญญาณอันตรายช่วงใกล้คลอด เช่น อาการปวดบีบที่ท้องอย่างรุนแรงและไม่บรรเทาลง ต้องไปพบแพทย์โดยเร่งด่วนที่สุด
  • ห้ามสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เพราะทำให้มีโอกาสคลอดก่อนกำหนดสูง และมีโอกาสแท้งได้
  • พยามเลี่ยงความครียด เพราะอาจมีภาวะเสี่ยงต่อการแท้งได้ รวมถึงการคลอดก่อนกำหนด ที่ทำให้ทารกมีน้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์ ทั้งยังมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ โรคสมาธิสั้น หรือโรคในกลุ่มออทิสติก
  • ห้ามออกกำลังกายรุนแรง และไม่ควรออกกำลังกายต่อเนื่องนานเกิน 30 นาที
  • ห้ามหายาต่าง ๆ มารับประทานเอง แม้จะเป็นยาสามัญประจำบ้านทั่วไป เพราะยาบางชนิดอาจส่งผลข้างเคียงต่อทารกได้ ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ

อาหารและกิจกรรมที่คุณตั้งครรภ์ 8 เดือน ควรหลีกเลี่ยง

  • อย่าเผลอตามใจปาก ควรระมัดระวังเรื่องการรับประทานขนมจุกจิก
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่ควรกินขณะตั้งครรภ์  ที่มีโซเดียมสูง เพราะกระตุ้นให้เกิดอาการบวมตามข้อเท้าได้
  • งดอาหารรสจัด โดยเฉพาะรสเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด ที่จะกระตุ้นอาการกรดไหลย้อนและแสบร้อนกลางอกได้

ช่วงตั้งครรภ์เดือนที่ 8 นับเป็นไตรมาสสุดท้ายที่ใกล้คลอดเข้าไปทุกที แนะนำให้คุณแม่เตรียมจัดของใช้ที่จำเป็นสำหรับลูกน้อยที่จะคลอดในเดือนหน้าไว้ให้พร้อม รวมถึงการหาข้อมูลเกี่ยวกับการเตรียมตัวคลอด การเตรียมวันลาคลอด และการจัดกระเป๋าสำหรับการไปคลอด และเมื่อถึงวันที่จะได้เห็นหน้าลูกน้อย คุณแม่จะมีความพร้อมและสบายใจที่สุด

อ้างอิง:

 

  1. พัฒนาการของทารก สุขภาพของคุณ และเรื่องน่ารู้ในช่วงท้อง 8 เดือน, Pobpad
  2. 9 เดือน กับพัฒนาการของทารกในครรภ์, โรงพยาบาลเปาโล
  3. ไม่ดีแน่… ถ้าปล่อยให้คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องสู้กับ “กรดไหลย้อน”, โรงพยาบาลเปาโล
  4. ตกขาวคราวตั้งครรภ์, คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
  5. ท้องแข็งขณะตั้งครรภ์ เสี่ยงอันตรายแค่ไหน, โรงพยาบาลพญาไท
  6. การดูแลคุณแม่ตั้งครรภ์และพัฒนาการทารกในครรภ์, โรงพยาบาลแมคคอร์มิค
  7. 10 ข้อห้ามที่ “คนท้อง” ต้องรู้, โรงพยาบาลสมิติเวช
  8. คุณแม่ตั้งครรภ์ คุมน้ำหนักอย่างไรให้พอดี, โรงพยาบาลบางปะกอก
  9. วิธีดูแลแม่ตั้งครรภ์ 8 เดือน เพื่อพัฒนาการทารกอายุครรภ์ 8 เดือน
  10. How big is my baby? Week-by-week fruit and veggie comparisons, Medically reviewed by Judith Venuti, Ph.D., embryologist
  11. Foods to Eat During Your Third Trimester, Medically Reviewed by Traci C. Johnson, MD on November 12, 2022 Written by Alexandra McCray
  12. Breasts leaking colostrum during pregnancy, Medically reviewed by Sally Urang, MS, RN, CNM, midwife
  13. 33 weeks pregnant: Medically reviewed by Layan Alrahmani, M.D., ob-gyn, MFM อ้างอิง ณ วันที่ 10 ธันวาคม 2566